รองศาสตราจารย์ ดร.ศรีจันทร์ พรจิราศิลป์
ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
โรคสมาธิสัน้ (ADHD, Attention Deficit Hyperactivity Disorder) เป็นภาวะผิดปกติทางจิตเวช
ที่พบบ่อยในวัยเด็ก (อายุ 3-7 ปี) ประกอบด้วยการมีช่วงสมาธิสัน้ กว่าปกติ ไม่สามารถควบคุมสมาธิและ
การเคลื่อนไหวของตนเอง ซุกซนมาก วอกแวกง่าย อยู่ไม่นิ่ง ไม่สามารถนัง่ ทำงานให้สำเร็จลุล่วง
ควบคุมตัวเองไม่ได้ พูดคุยตลอด พูดไม่หยุด ไม่สามารถรอคอยสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ ชอบขัดจังหวะ
เวลาที่ผู้อื่นพูดคุยกัน ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ไม่มีความพยายามในการทำงานที่ต้องใช้ทักษะ ไม่สามารถ
ตัง้ ใจฟงั และเก็บรายละเอียดจากการสนทนา มีปญั หาในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทำหรือตอบสนองต่อสิ่งเร้า
โดยที่ไม่ได้ยั้ง คิด
สาเหตุที่แท้จริงของโรคสมาธิสั้น ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าสาเหตุของการเกิดโรคนี้
ประกอบด้วยหลายๆสาเหตุร่วมกัน เช่น สมองบางส่วนมีการทำงานน้อยกว่าปกติ ความผิดปกติของ
ระดับสารสื่อประสาท ในสมองเช่น dopamine ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ความผิดปกติทาง
พันธุกรรม การไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองผิดปกติ นอกจากนี้การได้รับสารตะกัว่ ในสิ่งแวดล้อม
แม่ที่สูบบุหรี่ ดื่มสุราหรือใช้ยาเสพติดระหว่างตัง้ ครรภ์ อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการ ของสมองเด็ก
เมื่อแพทย์วินิจฉัยแยกโรคอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงออกแล้ว และแน่ใจว่าเด็กเป็นโรคสมาธิสัั้นแพทย์จะให้เด็กรับประทาน ยาเพื่อช่วยลดความอยู่ไม่นิ่งของเด็กและช่วยให้เด็กมีสมาธิในการเรียนและ
ทำงาน แต่ยาที่ใช้รักษาเด็กสมาธิสัน้ นั้นมิได้ไปรักษาที่สาเหตุของโรค ยาเพียงแต่ช่วยควบคุมอาการของโรค ฉะนั้น พ่อแม่จำเป็นต้องเรียนรู้การดูแลลูก เพื่อช่วยประคับประคองความรู้สึก ของเด็ก ช่วยให้เด็กอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ เป็นที่ยอมรับของสังคม และ มีพฤติกรรมที่เหมาะสมประสบการณ์ในการดูแลลูกที่เป็นเด็กสมาธิสัน้สิ่งที่จะบรรยายต่อไปนี้ เป็นประสพการณ์ในการดูแลลูกที่เป็นเด็กสมาธิสัน้ ของผู้เขียนเอง ในฐานะแม่ของเด็กสมาธิสัน้ ผู้เขียนเข้าใจดีว่าพ่อแม่ของเด็กสมาธิสัน้ ประสบกับปญั หาอะไรกันบ้าง ทุกข์ใจ เพียงไร จึงอยากนำประสพการณ์ในการดูแลลูกของตนเองมาถ่ายทอด แต่ผู้เขียนมิบังอาจที่จะเรียน ว่าผู้เขียนประสพความสำเร็จในการดูแลลูก เพราะลูกไม่ได้มีหน้าที่การงานที่มีเกียรติ ไม่ได้เป็นที่ ยกย่องสรรเสริญของสังคม แต่อย่างน้อยลูกก็ไม่ได้สร้างความทุกข์ใจให้พ่อแม่ ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่า เพียง
เท่านี้พ่อแม่ของเด็กสมาธิสัน้ ก็น่าจะพอใจแล้ว เนื่องจากลูกเป็นเด็กสมาธิสัน้ จึงตัง้ ปณิธานว่า ต้องพัฒนาลูกให้สามารถดูแลตัวเองได้เหมือน เด็กปกติ และไม่ตัง้ ความหวัง ว่าเขาต้องเรียนจบสาขาวิชาดีๆ ทำงานมีเกียรติ แต่จะอบรมดูแลให้ลูก เป็นคนที่คิดดี ทำดี เป็นคนที่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้น ในช่วงที่เรียนประถมและมัธยม แม้สอบไม่ผ่านกี่ วิชาก็ไม่เคยตำหนิ (ไม่มีใครอยากเกิดมาไม่เก่ง ลูกก็อยากเรียนเก่ง-ฉลาด แต่ฟ้าประทานมาให้เพียง
เท่านี้ เราก็ต้องใช้ต้นทุนที่ตัวเขามีให้ดี การสอบไม่ผ่านลูกเองก็ทุกข์ใจเองอยู่แล้ว) แต่ให้กำลังใจ และไม่ กดดันลูก พยายามหาวิธีผ่อนภาระการเรียนของลูก เช่น ให้เรียนบางวิชาล่วงหน้าตอนปิดเทอม ระหว่าง เรียนหาอาจารย์ช่วยสอน-ทบทวนให้ลูกโดยลูกมักเน้นว่าอยากติวตัวต่อตัว ก็ต้องทำให้ได้ เพราะสัญญา กับลูกว่า ถ้าอยากได้อะไรที่เป็นสิ่งดีๆ แม่สัญญาว่าจะต้องทำให้ลูก ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย สังเกต ความถนัด/ความชอบของลูก แล้วถามความสมัครใจว่า ถ้าเรียนสาขาวิชาแบบนี้จะเรียนอะไร จบแล้ว ทำงานอะไร ให้ลูกตัดสินใจเองว่าอยากเรียนอะไร ลูกจึงเรียนมหาวิทยาลัยอย่างตัง้ ใจมากๆและสนุก สอบผ่านทุกวิชา ไม่เคยมีปญั หา เคยบอกลูกหนเดียวว่า คนอื่นเขาโชคดี เกิดมาเรียนเก่ง เขาอ่านหนังสือ 2-3 รอบก็สอบได้ แต่ถ้าสมองเราสู้เขาไม่ได้ เราก็ต้องขยัน ถ้าอ่านหนังสือ 10 รอบ แม่มัน่ ใจว่า ลูกสอบได้ ไม่อยากเชื่อว่า ตัง้ แต่นั้น ลูกอ่านหนังสือทุกวันตัง้ แต่วันแรกที่เปิดเทอม จนถึงวันที่สอบ ทุก วิชาลูกอ่านทบทวนไม่ต่ำกว่า 10 รอบจริงๆ และลูกก็ภูมิใจในความสำเร็จของตนเอง ซึ่งได้จากความ เพียร และจากประสพการณ์ในการเรียน ทำให้ลูกเป็นคนที่รับผิดชอบในการทำงาน ปจั จุบัน ลูกไปถึง ที่ทำงานก่อน 7.30 น พอห้องทำงานเปิด ก็เริ่มทำงานตัง้ แต่เช้า ช่วงเที่ยงไม่เคยออกไปรับประทาน อาหารแล้วกลับมาหลัง 13.00 น ไม่เคยกลับบ้านก่อนเวลา ไม่จำเป็นจะไม่ลางานเด็ดขาด ในด้าน ครอบครัว สอนลูกว่าต้องกตัญญูผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคุณยายที่ช่วยแม่ดูแลลูก เพราะฉะนั้นวันหยุด บางที ลูกจะพาคุณยายไปเที่ยว เวลาเดินในห้างสรรพสินค้า ลูกจะคอยจูงคุณยายตลอดเวลา อาจารย์ที่
โรงเรียนสมัยมัธยมชมลูกให้ฟงั ว่า ลูกน่ารักมาก โทรศัพท์ไปเยี่ยมเยียนอาจารย์ อาจารย์บอกว่า จบไป
ตัง้ หลายปียังจำอาจารย์ได้หรือนี่ ลูกตอบว่า “ต้องจำได้ซิครับ อาจารย์สอนผมมา ถ้าไม่มีอาจารย์ ผมก็
ไม่มีความรู้ สำหรับผม อาจารย์มีพระคุณมาก ตลอดชีวิตนี้ผมก็ไม่มีวันลืมอาจารย์”
ด้วยความสัตย์จริง แอบร้องไห้มานับครัง้ ไม่ถ้วน เมื่อมีคนพูดดูถูกเหยียดหยามลูก สงสารเขา
แต่บอกตัวเองตลอดเวลาว่าต้องอดทน เราต้องทำให้ดีที่สุด ประคับประคองจิตใจลูกไว้ อย่าให้เขาทุกข์
มากจนไม่อยากปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ต้องให้กำลังใจและชมเขา บ่อยครัง้ ที่ยกมือไหว้ขอโทษผู้ที่บอกว่าลูก
ทำไม่ถูกใจเขา ก็ยอมรับกับเขาไปเถิดว่าเราสอนลูกไม่ดีพอ เพราะเราไม่สามารถทราบว่าลูกจะพบ
เหตุการณ์อะไร เด็กสมาธิสัน้ มักไม่สามารถแก้ไขปญั หาเฉพาะหน้าที่ไม่เคยประสบมา ที่คาดการณ์ว่าจะ
เกิดก็อธิบายและบอกลูกไว้ก่อนว่าต้องทำอย่างไร แต่สิ่งที่เสียใจคือ มีคนไม่น้อยที่ไม่ให้โอกาสเด็ก
ซ้ำเติม ปรักปรำ ก็อย่าไปโกรธเขา คนทำดีต้องได้ดี พยายามทำความดีเพื่อเป็นกุศลส่งให้ลูกพบผู้มี
เมตตา คนที่ร้ายกับลูก ช่างเขา ฟ้ามีตา และสักวันหนึ่งถ้าลูกเขาโดนบ้าง เขาจะรู้ว่าคนที่เป็นแม่เจ็บปวด
แค่ไหน ไม่ต้องตอบโต้ แต่ดูแลและปกป้องลูกจากคนใจดำพวกนี้ ที่สำคัญมากคือ เวลามีใครมาต่อว่า
หรือฟ้องว่าลูกทำอะไรไม่ถูกต้อง อย่าเพิ่งโกรธ อย่าด่วนทำโทษลูก ได้โปรดทราบว่า ในสังคมนี้มีผู้ไม่
หวังดีไม่น้อย ใจเย็นๆ ค่อยๆ ถามความจริงจากลูก เราต้องบอกลูกว่าให้เล่าความจริงกับพ่อแม่ พ่อแม่
ไม่ทำโทษลูก แต่จะบอกลูกว่าที่ทำไปถูกหรือผิด และที่ถูกต้องควรทำอย่างไร
ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรกับลูกในทุกวันนี้ คำตอบคือ ปลื้มใจที่สร้างเขาได้ขนาดนี้ ปริญญาบัตรที่ลูกได้รับ
คือของขวัญล้ำค่าที่ลูกมอบให้ แต่ของขวัญที่มีค่าที่สุดจากลูกคือ การที่เขาเป็นคนดี กตัญญูรู้คุณคน
ตัง้ ใจทำงาน รู้จักอดออม ไม่เคยคิดร้ายใคร
จึงอยากเรียนคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นเด็กสมาธิสัน้ ว่า อย่ารังเกียจ อย่าทอดทิ้งลูกหรือเก็บลูก
ไว้แต่ในบ้าน เขาเป็นเด็กน่าสงสาร เขาไม่อยากทำผิด หรือทำอะไรไม่ดี เขาเจ็บปวดเมื่อถูกตำหนิ ถูก
ลงโทษ เขาต้องการคนที่เข้าใจเขา โอบอุ้มเขาให้พ้นจากความด้อยเหล่านี้
และพ่อแม่เท่านั้นที่ช่วยเขาได้พยายามอธิบายและแยกแยะให้เขารู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร การสอนเด็กสมาธิสัน้ ต้องพูดตอกย้ำหลายๆครัง้ จนเขารับทราบ ขอให้พร้อมรับผิดแทนลูก ให้อภัยเขา แม้บางครัง้ เราจะต้องฝืนใจรับผิด แต่ในสังคมมีคนที่ชอบปรักปรำ แต่งเติมเพื่อให้คนอื่นรังเกียจลูกก็มีไม่น้อย สงสารดวงใจน้อยๆของลูกให้มากๆนะคะ พ่อแม่ย่อมแข็งแกร่ง ผจญทุกอย่างได้ดีกว่า ช่วยลูกดูดซับคำประนามไว้ แล้วค่อยอธิบาย
ด้วยเหตุและผลกับลูก ความรักความเข้าใจของพ่อแม่ จะทำให้ลูกอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข ย้ำให้ลูก
มัน่ ใจว่าพ่อแม่จะมาช่วยแก้ไขปญั หาของลูกทันทีที่ลูกต้องการความช่วยเหลือ ลูกสามารถโทรศัพท์หา
พ่อหรือแม่ได้ทุกเวลาเมื่อต้องการปรึกษาหรือมีปญั หาอะไร ถ้าไม่เกินกำลังคุณพ่อคุณแม่ พยายามหาผู้
มีเมตตาที่เขายินดีช่วยดูแลลูกให้ เช่นอาจารย์(บางท่าน)ที่โรงเรียน เพื่อนที่เรียนด้วยกัน หรือแม้แต่รุ่นพี่
ที่ทำงาน ฝากฝงั ลูกกับท่าน/เขา ให้ท่าน/เขาช่วยเหลือลูกเวลาลูกอยู่ไกลตัวเราแล้วเกิดปัญหาต้องการคนช่วยคิดแก้ไข ให้ลูกออกมาใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติ ลูกจะได้เรียนรู้ว่าควรปฏิบัติตนอย่างไรในสังคม เขาอาจทำตัวไม่เหมาะสมบ้างก็ไม่เป็นไร อย่าอายสายตาผู้อื่น พยายามสอนและให้โอกาสลูกปรับปรุงตัวชื่นชมเมื่อลูกทำถูกต้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น