บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แพ้ยา ป้องกันได้


นศภ. ดวงกมล กฤษณพิพัฒน์
นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
แพ้ยา คืออะไร ?
การแพ้ยาคือปฏิกิริยาที่ร่างกายตอบสนองต่อยาผ่านระบบภูมคุ้มกัน เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่
ร่างกายจะเกิดการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างสารออกมาเพื่อทำลายสิ่งแปลกปลอมนั้น กระบวนการ
ดังกล่าวทำให้เกิดอาการแพ้ในลักษณะต่าง ได้แก่ ผื่น ริมฝีปากบวม เปลือกตาบวม หรือในบางรายอาจมี
การแพ้ที่รุนแรง เช่น เป็นผื่นที่มีลักษณะผิวหนังหลุดลอก ความดันโลหิตต่ำและหยุดหายใจ
แพ้ยาซํ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร
สำหรับผู้ที่แพ้ยานั้นเมื่อได้รับยาชนิดนั้นเข้าไปในครัง้ แรกจะเกิดการกระตุ้นเซลล์ในระบบ
ภูมิคุ้มกันให้กลายเป็น memory cell เพื่อจดจำยาชนิดนั้นไว้ ดังนั้นเมื่อร่างกายได้รับยาชนิดนั้นในครัง้
ต่อมา ปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกันจึงเกิดได้เร็วกว่าในครัง้ แรก ทำให้อาการแพ้เกิดขึ้นหลังจากใช้
ยาในทันที เป็นวัน หรืออาจเป็นสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับกลไกในการแพ้แต่ละชนิด โดยการจัดการที่เหมาะสม
สำหรับการแพ้ยาคือ ให้หยุดใช้ยานั้นทันที และ ห้ามใช้ยานั้นอีกต่อไป
ยาในกลุ่มเดียวกันจะมีโอกาสแพ้ด้วยหรือไม่
เนื่องจากโครงสร้างของยาที่ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้น (antigen) ทำให้เกิดการสร้างสารต่อต้าน
จากร่างกายอาจจะเป็นโครงสร้างส่วนใดส่วนหนึ่งของโมเลกุลยา ดังนั้นการแพ้ยาที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันจึง
เกิดขึ้นได้ โดยเรียกการแพ้ยาที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกันในลักษณะนี้ว่า การแพ้ยาข้ามกัน (cross
reactivity)
กลุ่มยาที่พบการแพ้ยาข้ามกันมากที่สุดได้แก่ ยาปฏิชีวนะในกลุ่มบีต้าแลคแตม (beta-lactams)
ซัลโฟนาไมด์ (sulfonamides) ยาแก้ปวดหรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) และกลุ่ม
ยากันชักโดยยาที่มีโครงสร้างคล้ายกันอาจมีการแพ้ยาข้ามกันได้ แต่อย่างไรก็ตามการแพ้ยาข้ามกันบาง
กรณีไม่ได้เกิดจากปฏิกิริยาการแพ้แต่เป็นผลจากฤทธิท์ างเภสัชวิทยาของยาเอง เนื่องจากยาในกลุ่ม
เดียวกันมักจะมีฤทธิท์ างเภสัชวิทยาใกล้เคียงกัน โดยไม่ได้สัมพันธ์กับสูตรโครงสร้าง หากอาการ
เหล่านั้นเกิดจากผลข้างเคียงของยา ก็ไม่จำเป็นต้องหยุดยาหรือห้ามใช้ยานั้น
แพ้ยาซ้ำ ป้ องกันได้อย่างไร
สำหรับแนวทางปฏิบัติของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าแพ้ยา ผู้ป่วยจะได้รับบัตรแพ้ยาจาก
โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ผู้ป่วยควรพกบัตรแพ้ยาติดตัวและแสดงบัตรแพ้ยาทุกครัง้ เมื่อเข้ารับการ
ตรวจรักษาหรือรับยา รวมทัง้ มีข้อควรปฏิบัติดังต่อไปนี้ (1) พยายามจดจำชื่อยาที่ท่านเคยแพ้ (2)
สอบถามชื่อยา สรรพคุณ วิธีใช้อย่างละเอียดเมื่อต้องใช้ยาใดๆก็ตาม (3) บอกแพทย์ผู้ทำการรักษา ผู้
จ่ายยา หรือนำบัตรแพ้ยานี้ไปแสดงทุกครัง้ ที่ซื้อยารับประทานเอง (4) หลีกเลี่ยงยาหรือกลุ่มยาที่เคยแพ้
หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่ทราบชื่อ ยาชุด หรือยาซอง (5) หากมีอาการผิดปกติหรือสงสัยว่าแพ้ยาใด ให้
หยุดยาทันที และนำตัวอย่างยาดังกล่าว มาปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากอาการแพ้ยานั้นอาจ
รุนแรงถึงเสียชีวิตได้
ดังนั้นการได้รับการวินิจฉัย ประเมินอาการแพ้และการรักษาอย่างเหมาะสมสามารถช่วยป้องกัน
การแพ้ยาซ้ำและไม่ทำให้ผู้ป่วยเสียประโยชน์จากการพิจารณาใช้ยาในกลุ่มเดียวกัน
เอกสารอ้างอิง
1. Frew A. General principles of investigating and managing drug allergy. Br J Clin
Pharmacol.2011; 71: 642-6.
2. Solensky R, Khan DA, editors. Drug allergy: an updated practice parameter. Ann
Allergy Asthma Immunol. 2010; 105: e1-e78.
3. Depta JP, Pichler WJ. Cross-reactivity with drugs at the T cell level. Curr Opin Allergy
Clin Immunol. 2003; 3: 261-7.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น