บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แคลเซียมกับโรคกระดูกพรุน

แคลเซียมกับโรคกระดูกพรุน
รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.บุษบา จินดาวิจักษณ์
ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เขาว่ากันว่า แคลเซียม ไม่มีประโยชน์กับโรคกระดูกพรุน แต่ก่อนจะสรุปเช่นนั้น ขอให้ติดตาม
อ่านรายละเอียดต่อไปนี้ก่อน
กระดูกประกอบด้วยอะไรบ้าง
กระดูกประกอบด้วย โปรตีนหนึ่งในสามส่วน อีกสองในสามส่วนเป็นเกลือแร่ โปรตีนที่เป็น
เนื้อกระดูกนี้ส่วนใหญ่เป็นคอลลาเจน ส่วนเกลือแร่ที่อยู่ในกระดูกคือแคลเซียม กระดูกก็เหมือนกับ
เนื้อเยื่ออื่นๆ ของร่างกายที่ต้องมีการผลัดผิวเอาเซลล์เก่าออกแล้วเติมเซลล์ใหม่ ซึ่งการผลัดผิวเกิด
จากการทำงานร่วมกันของเซลล์สลายกระดูกและเซลล์สร้างกระดูก โดยเซลล์สลายกระดูกจะกินเนื้อ
กระดูกเป็นหลุมลงไป ต่อจากนั้นเซลล์สร้างกระดูกจะสร้างเนื้อกระดูกเติมลงไปในหลุมจนเต็มเป็น
การปะหลุมนั้น ทำให้ได้กระดูกที่มีผิวสวยงามตามเดิม ทัง้ นี้การทำงานของเซลล์สลายกระดูกและ
เซลล์สร้างกระดูกจะถูกควบคุมโดยฮอร์โมนและสารภายในร่างกายหลายชนิดที่เกี่ยวกับการอักเสบ
การเติบโตของกระดูกจะเกิดขึ้นตัง้ แต่วัยเยาว์จนได้ความหนาแน่นของมวลกระดูกสูงที่สุดที่
อายุ 20 ปีในผู้หญิง และ 25 ปีในผู้ชาย หลังจากนี้มวลกระดูกจะมีความหนาแน่นลดลงอย่างช้าๆ
พบว่าที่อายุ 40 ปีขึ้นไปมวลกระดูกจะมีความหนาแน่นลดลงร้อยละ 0.5-1 ต่อปี แต่สำหรับผู้หญิง
ในช่วง 10 ปีแรกหลังหมดระดู ความหนาแน่นของมวลกระดูกจะลดลงเร็วมาก คือร้อยละ 3-5 ต่อปี
เมื่อพ้น 10 ปีไปแล้วความหนาแน่นของมวลกระดูกจะลดลงช้าลง คือลดลงร้อยละ 1-2 ต่อปี1
โรคกระดูกพรุนมีอาการอย่างไร
โรคกระดูกพรุน มีชื่อภาษาอังกฤษว่า osteoporosis (อ่านว่า ออส-ที-โอ-พอ-รอ-สิส) เป็นโรค
ที่มีความผิดปกติของกระดูกที่เกิดเนื่องจากมีความไม่สมดุลในกระบวนการผลัดผิวกระดูก โดยเซลล์
สลายกระดูกทำงานมากกว่าเซลล์สร้างกระดูก ทำให้มวลกระดูกมีความหนาแน่นลดลง เนื้อกระดูก
บางลง มีความแข็งแรงน้อยลง และมีความเปราะเพิ่มขึ้น โรคนี้เป็นปญั หาทางสาธารณสุขที่สำคัญ
ในผู้สูงอายุ และเป็นภัยเงียบ เนื่องจากไม่มีอาการอะไร มีเพียงแต่เนื้อกระดูกบางลง มีความ
หนาแน่นน้อยลง ทัง้ นี้ กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นโรคกระดูกพรุน ก็เมื่อเกิดกระดูกหัก ซึ่งมักเกิดตามหลัง
อุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ตกบันได ตกจากเก้าอี้ นอกจากนี้ ผู้สูงอายุที่มีการไออย่างรุนแรงก็อาจทำให้
กระดูกซี่โครงหักได้
ตำแหน่งของกระดูกที่มีการหักที่พบส่วนใหญ่จะเป็นที่กระดูกข้อมือ กระดูกสะโพก และ
กระดูกสันหลัง อธิบายได้ว่า เมื่อหกล้ม คนเราก็จะเอามือยันพื้นไว้เพื่อประคองตัวเอง แต่ด้วยความ
ที่เนื้อกระดูกบางลง กระดูกข้อมือจึงไม่สามารถรับน้ำหนักตัวได้เต็มที่เหมือนตอนหนุ่มสาว กระดูก
ข้อมือจึงหัก เมื่อกระดูกข้อมือหักก็ใช้มือข้างนั้นหยิบจับอะไรไม่ได้ในระหว่างที่ต้องเข้าเฝือก หากมี
ก้นกระแทกพื้นเช่นในกรณีตกบันไดหรือตกจากเก้าอี้ ก็จะมีกระดูกสะโพกหัก ทำให้เดินไม่ได้ใน
2
ระหว่างการรักษา บางรายอาจต้องเปลี่ยนข้อใส่ข้อเทียม ทำให้ต้องนอนติดเตียง ซึ่งอาจเกิดแผลกด
ทับหรือโรคอื่นๆ ตามมาได้หากไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ
ผู้หญิงมีโอกาสกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนมากถึงร้อยละ 30-40 ในขณะที่ผู้ชายมีโอกาส
ร้อยละ 13 โดย ผู้หญิงช่วงอายุ 10 ปีแรกหลังหมดระดู กระดูกจะบางลงเร็วมาก อธิบายได้ว่าเกิด
จากการที่ขาดฮอร์โมนเพศหญิงที่มีชื่อว่าเอสโตรเจน นอกจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนแล้ว ยัง
เกิดจากความเสื่อมตามวัยซึ่งพบได้ทัง้ ในผู้ชายและผู้หญิง
โรคกระดูกพรุนยังอาจเกิดตามมาจากการเป็นโรคอื่น เช่น โรคไต โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
โรคมะเร็ง ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูง และภาวะกลุ่มอาการคุชชิง (Cushing’s syndrome มี
ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในเลือดสูง) หรือเกิดจากการใช้ยา ได้แก่ ยากลูโคคอร์ติคอยด์ ยารักษา
มะเร็ง ยากดภูมิคุ้มกัน ยากันชัก
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคกระดูกพรุนแล้ว
ด้วยเหตุที่โรคกระดูกพรุนมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะเกิดกระดูกหัก จึงควรทราบว่ามีปจั จัย
เสี่ยงอะไรบ้างที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน ทัง้ นี้มีปจั จัยเสี่ยงอยู่ 2 ประเภท คือ ปจั จัยเสี่ยงที่
ปรับเปลี่ยนได้ และ ปจั จัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ (ตารางที่ 1) ผู้ที่มีปจั จัยเสี่ยงหลายปจั จัยก็จะมี
โอกาสสูงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน และจะมีโอกาสสูงที่จะเกิดกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน
ตารางที่ 1 ปจั จัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้หญิง1
ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้ ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้
 รับประทานแคลเซียมไม่เพียงพอ
 ไม่ค่อยได้ใช้แรงกาย
 สูบบุหรี่เป็นประจำ
 ดื่มสุราเกินขนาดเป็นประจำ
 ดื่มกาแฟเกินขนาดเป็นประจำ
 มีดัชนีมวลกายต่ำกว่า 19 กิโลกรัม/ตาราง
เมตร
 มีภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนก่อนเข้าสู่วัย
หมดระดู
 มีความเสี่ยงต่อการหกล้ม เนื่องจากสาเหตุ
อื่นที่แก้ไขได้ เช่น ตาเป็นต้อ สายตาสัน้
สายตายาว ตาพร่ามัว
 มีอายุมาก (ตัง้ แต่ 65 ปีขึ้นไป)
 เป็นเพศหญิง
 เป็นผู้หญิงผิวขาว และผู้หญิงเอเชีย
 หมดระดูก่อนอายุ 45 ปี
 มีพยาธิสภาพที่ต้องมีการผ่าตัดเอารังไข่
ทัง้ สองข้างออกก่อนถึงวัยหมดระดู
 มีโครงร่างกายเล็ก
 มีประวัติคนในครอบครัว ได้แก่ บิดา
มารดา พี่สาวหรือน้องสาว เป็นโรค
กระดูกพรุนหรือกระดูกหักจากโรค
กระดูกพรุน
 เคยกระดูกหักจากภาวะกระดูก
เปราะบาง
3
นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถเข้าไปทำแบบทดสอบปจั จัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน
ที่สร้างโดยมูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย โดยเข้าไปที่ http://www.topf.or.th/topf_cpg.php
หากผลของการทำแบบทดสอบแสดงว่ามีปจั จัยเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน ผู้ทำแบบทดสอบนั้นควรรีบ
ไปขอรับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรใกล้บ้าน1
แพทย์จะวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก ด้วยเครื่อง Dual energy X-ray Absorptiometry
(Axial DXA) และนำค่าที่ได้ไปเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของ BMD สูงสุดในคนหนุ่มสาว โดยการดูค่า
ความเบี่ยงเบนมาตรฐานตาม T-score (รูปที่ 1)
 ถ้าได้ T-score  -1 ของค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน แปลว่า มีความหนาแน่นของมวล
กระดูกในระดับปกติ
 ถ้าได้ T-score < -1 ของค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน แต่ > -2.5 ของค่าความเบี่ยงเบน
มาตรฐาน แปลว่า มีกระดูกบาง
 ถ้าได้ T-score  -2.5 ของค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน แปลว่า กระดูกพรุน และมีความ
เสี่ยงต่อกระดูกหัก
รูปที่ 1 การแปลค่าความหนาแน่นของมวลกระดูกที่วัดได้
เอกสารอ้างอิง
1. แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคกระดูกพรุน พ.ศ. 2553. กรุงเทพ: มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่ง
ประเทศไทย
2. กอบจิตต์ ลิมปพยอม. มูลนิธิโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย. โรคกระดูกพรุนคืออะไร Available
at: http://www.topf.or.th/read_hotnews_detail.php?dID=20. Accessed date: 9 Aug 2014.
กระดูกพรุน กระดูกบาง กระดูกปกติ
-3.5 -3.0 -2.5 -2.0 -1.5 -1.0 -0.5 0 +0.5
ความเบี่ยงเบนมาตรฐานตาม T-score

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น