บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพร


รองศาสตราจารย์ ภญ. ยุวดี วงษ์กระจ่าง
เภสัชกร วสุ ศุภรัตนสิทธิ

ปจั จุบันสมุนไพรเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตมากขึ้นในการใช้รักษาโรคหรือการใช้เป็นอาหารเสริม
เนื่องจากสังคมได้ตระหนักถึงคุณค่าและประโยชน์ของสมุนไพร แต่หากมีการนำสมุนไพรมาใช้อย่างไม่
ถูกต้อง ไม่ถูกวิธี สมุนไพรก็อาจจะก่อให้เกิดโทษต่อผู้ใช้ได้ ดังจะเห็นได้จากในปัจจุบันเริ่มมีรายงานทาง
คลินิกเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการใช้สมุนไพรมากขึ้น สมุนไพรที่สำนักงานคณะกรรมการ
อาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ประกาศเตือนให้ระวังถึงความปลอดภัยจากการใช้ 9 ชนิดในปี ค.ศ.
1993 ได้แก่ Chaparral, Comfrey, Yohimbe, Lobelia, Germander, Willow Bark, Ma huang, Jin Bu
Huan (ตำรับสมุนไพรจีน),ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีสมุนไพรกลุ่ม Stephania และ Magnolia species
อันตรายที่เกิดขึ้นจากการใช้สมุนไพร สามารถจำแนกได้เป็น 7 กลุ่ม สมุนไพร 1 ชนิดอาจทำให้เกิด
อันตรายได้มากกว่า 1 กลุ่ม โดยข้อมูลบางส่วนมีหลักฐานยืนยันแน่นอน บางส่วนอิงข้อมูลจากการทดลอง
(สัตว์ทดลอง และ/หรือ หลอดทดลอง) และบางส่วนก็มีเพียงกรณีศึกษาเท่านั้น อันตรายจากการใช้สมุนไพร
จำแนกเป็น 7 กลุ่ม ดังนี้
1. สมุนไพรที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้ (Allergic reactions)
2. สมุนไพรที่ทำให้เกิดความเป็นพิษ (Toxic reactions)
3. สมุนไพรที่ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ (Adverse effects)
4. การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับสมุนไพร (Herb and drug reactions)
5. การใช้สมุนไพรผิดชนิด ผิดวิธี (Mistaken plants, Mistaken preparation)
6. การปนเปื้อนในสมุนไพร (Contamination)
7. สมุนไพรที่มีการปลอมปน (Adulterants)
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
1. สมุนไพรที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้ (Allergic reactions)
จากการสำรวจการใช้ “นมผึ้ง” ปี พ.ศ. 2536-2540 พบการเกิดปฏิกิริยาตอบสนองไวเกิน จากการ
ได้รับนมผึ้งเกือบ 40 ราย มีอาการคือ อาการหืด อาการหลอดลมหดเกร็ง หลอดเลือดบวม ความดันโลหิต
ต่ำ เยื่อบุตาอักเสบ ผื่นคัน และเมื่อทำการทดสอบทางผิวหนัง (skin test) พบว่าเกิดปฏิกิริยาเป็นบวกกับ
นมผึ้ง สรุปได้ว่าอาจเกิดจากโปรตีนในนมผึ้งไปกระตุ้นแอนติบอดี (antibody) ชนิด IgE และในปี พ.ศ.
2537 มีรายงานจากประเทศออสเตรเลียว่านมผึ้งทำให้ตายได้เนื่องจากอาการหืดในเด็กหญิงอายุ 11 ปี
หลังจากได้รับนมผึ้ง 500 มก. เพื่อรักษาต่อมทอมซิลอักเสบ เมื่อสืบประวัติพบว่าก่อนหน้านี้ผู้ป่วยรายนี้เคย
มีอาการหายใจดังวี้ดหลังการได้รับนมผึ้ง และเมื่อได้รับอีกครั้งหนึ่งในครั้งนี้จึงเกิดอาการหืดเร็วมากและ
อาการรุนแรงจนถึงแก่ชีวิต ซึ่งอาจเกิดจากการไปกระตุ้น IgE ทำให้เกิดปฏิกิริยาไวเกินขึ้น
2
2. สมุนไพรที่ทำให้เกิดความเป็นพิษ (Toxic reactions)
ก. สมุนไพรที่ทำให้เกิดความเป็นพิษต่อตับ
ในประเทศไทยเคยมีรายงานในปี พ.ศ. 2542 ว่าใบขี้เหล็กซึ่งผลิตและจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ด ทำ
ให้การเกิดตับอักเสบเฉียบพลันอย่างน้อยในผู้ป่วย 9 รายที่รับประทาน ซึ่งระดับความรุนแรงของภาวะตับ
อักเสบมีตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงมีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียนและมีตัวเหลืองตาเหลือง สำนักงาน
คณะกรรมการอาหารและยาจึงมีมติให้ระงับการผลิตและเก็บยาสมุนไพรขี้เหล็กซึ่งเป็นสูตรยาเดี่ยวออกจาก
ตลาด
นอกจากนี้ คาวา (kava) สมุนไพรที่นิยมใช้ในการรักษาอาการนอนไม่หลับ มีรายงานหลายรายงาน
ว่ามีผลทำลายตับเช่นกัน
ข. สมุนไพรที่ทำให้เกิดความเป็นพิษต่อไต
มีรายงานการเกิดความเป็นพิษต่อไตจากการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรลดน้ำหนักที่มี aristolochic acid
มีมากกว่าร้อยรายจากหลายประเทศ เช่น เบลเยียม สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สเปน และญี่ปุ่น ผลิตภัณฑ์
เหล่านี้ส่วนใหญ่ระบุชื่อบนฉลากว่าผลิตจากสมุนไพรที่มีชื่อว่า Stephania tetrandra แต่จากการพิสูจน์
เอกลักษณ์หลายผลิตภัณฑ์พบว่ามี Aristolochia fangchi ผสมอยู่ และวิเคราะห์พบ aristolochic acid ซึ่ง
เป็นสาเหตุของการเกิดความผิดปกติที่ไต พยาธิสภาพที่พบจากการวิเคราะห์ชิ้นเนื้อเยื่อ คือ เนื้อไตมี
สภาพเป็นพังผืด ผู้ป่วยบางรายเกิดภาวะไตวายในระยะสุดท้ายจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไต
นอกจากนี้ ในผู้ป่วยโรคไตควรระวังการใช้ ชะเอมเทศ และ มะขามแขก เพราะอาจมีผลทำให้เกิด
ภาวะโปแตสเซียมต่ำในเลือด และ น้ำลูกยออาจให้เกิดภาวะโปแตสเซียมสูงในเลือด และมีรายงานว่า
Juniper Berries ในปริมาณสูงทำให้ไตเกิดการถูกทำลายได้( kidney irritation and damage) ส่วน
มะเฟืองมีรายงานว่าทำให้ไตเกิดความเป็นพิษจากออกซาเลท( oxalate nephropathy) ได้.
3. สมุนไพรที่ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ (Adverse effects)
การใช้สมุนไพร อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง หรือฤทธิไ์ ม่พึงประสงค์ได้ อาการไม่พึงประสงค์ซึ่ง
สัมพันธ์กับฤทธิท์ างเภสัชวิทยาที่ต้องการ หรือไม่สัมพันธ์กับฤทธิท์ างเภสัชวิทยาที่ต้องการ ดังตาราง
ข้างล่างนี้
ตารางที่ 1. รายงานการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้สมุนไพร
ชื่อสามัญ ชื่อ
พฤกษศาสตร์
ส่วนที่
ใช้
สรรพคุณ อาการไม่พึงประสงค์
กระเทียม Alium sativum ผล ลดไขมันในเลือด เกิดเลือดออกได้ง่าย
คาวา
(Kava)
Piper
methysticum
G.Forst
ราก ช่วยทำให้นอนหลับ คลาย
กังวล
การเคลื่อนไหวของปาก
และลิ้นผิดปกติ และ
การกำเริบของโรคพากิน
สัน (Parkinson’s
disease)
ชะเอม Glycyrrhiza
glabra Linn
ราก รักษาแผล ลดการอักเสบ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
เนื่องจากภาวะ
3
ชื่อสามัญ ชื่อ
พฤกษศาสตร์
ส่วนที่
ใช้
สรรพคุณ อาการไม่พึงประสงค์
โพแทสเซียมในเลือดต่ำ,
เกิดภาวะที่มีระดับ
ฮอร์โมน aldosterone
ในเลือดสูงทำให้เกิด
ความดันโลหิตสูง,
ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
ชุมเห็ด Senna
occidentalis Linn
เมล็ด ช่วยระบาย กล้ามเนื้อโครงร่างและ
กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม
เป็นพิษต่อระบบ
ประสาท
เซนต์จอห์น
เวิร์ท
(St.John’s
Wort)
Hypericum
perforatum Linn
ส่วน
เหนือดิน
ต้านอาการซึมเศร้า ลด
อารมณ์แปรปรวน
ระคายเคืองทางเดิน
อาหาร อ่อนเพลีย เวียน
ศีรษะ สับสน ปากแห้ง
เป็นพิษต่อตับและไต
ในช่วงที่ตัง้ ครรภ์และให้
นมบุตร
แปะก๊วย Ginkgo biloba
Linn
ใบ บำรุงร่างกาย ลดวิงเวียน
บำรุงเลือด ช่วยทำให้
ตื่นตัว
ระคายเคืองกระเพาะ
อาหาร อาจทำให้
เลือดออก เลือดออกใน
สมอง
สควิล
(Squill)
Urginea
maritima (Linn)
Stearn
หัว ลดการอักเสบ ขับเสมหะ อาการคล้ายเป็นพิษจาก
ยาดิจอกซิน (Digoxin)
สาหร่าย
Liminaria
digitata
(ไม่ระบุ) บำรุงเมแทบอลิซึม
บำรุงไทรอยด์ (thyroid)
ลดการอักเสบ
เป็นพิษจากสารหนู ,
ภาวะที่มีระดับฮอร์โมน
ไทรอยด์ในเลือดสูง
โสม Panax ginseng
C.A. Mayer
ราก บรรเทาความเครียด
กระตุ้นร่างกายและจิตใจ
กระตุ้นระบบประสาท
ส่วนกลาง ความดัน
โลหิตสูง เกิดผื่นที่
ผิวหนัง
หมัว่ อึ้ง
(Ma-huang)
Ephedra Linn (ไม่ระบุ) ลดน้ำหนัก กระตุ้นร่างกาย
และจิตใจ
ความดันสูง นอนไม่
หลับ สัน่ ปวดศีรษะ ชัก
เป็นพิษต่อหัวใจ ภาวะ
4
ชื่อสามัญ ชื่อ
พฤกษศาสตร์
ส่วนที่
ใช้
สรรพคุณ อาการไม่พึงประสงค์
ไทรอยด์เป็นพิษ
Yohimbine Pausinystalia
yohimbe)
เปลือก กระตุ้นความต้องการทาง
เพศ
ไตวาย ชัก อาจทำให้
ตายได้
4. การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับสมุนไพร (Herb and drug reactions)
การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับสมุนไพร สามารถอธิบายได้ 2 รูปแบบ คือ ปฏิกิริยาทางเภสัช
จลนศาสตร์ (Pharmacokinetic interactions) โดยยาหรือสมุนไพรมีผลเปลี่ยนแปลงการดูดซึม การกระจาย
ตัว เมแทบอลิซึม (Metabolism) และการขับถ่ายยาออกจากร่างกาย ซึ่งทำให้ปริมาณของยาหรือสมุนไพรที่
ออกฤทธิเ์พิ่มขึ้นหรือลดลง และ ปฏิกิริยาทางเภสัชพลศาสตร์ (Pharmacodynamic interactions) โดย
ยาหรือสมุนไพรมีผลเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิข์ องยาที่เนื้อเยื่อหรืออวัยวะเป้าหมาย ทำให้ยาหรือสมุนไพร
แสดงฤทธิเ์พิ่มขึ้น (Synergistic effects) หรือลดลง (Antagonist effects)
จากรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าสมุนไพรบางชนิด มีผลการศึกษารายงานว่าเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา
กับสมุนไพร ส่งผลกระทบต่อการรักษาอย่างแน่นอน เช่น เซนต์จอห์นเวิร์ท (St.John’s Wort; Hypericum
perforatum Linn) หรือ เกรปฟรุต (Grapefruit; Citrus paradisi Macfad)
รายละเอียดอยู่ในบทความเรือ่ งสมุนไพรกับยาแผนปจั จุบันกินด้วยกันดีมัย้
(http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/209/)
5. การใช้สมุนไพรผิดชนิด ผิดวิธี (Mistaken plants, Mistaken preparation)
อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้สมุนไพรส่วนหนึ่งเกิดจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับชนิดของสมุนไพร
เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน และมีความคล้ายคลึงกับพืชมีพิษบางอย่าง หากขาด
ความเชี่ยวชาญในการจำแนกชนิดของพืชสมุนไพรก็อาจนำมาซึ่งอันตรายต่อร่างกายได้จากการใช้สมุนไพร
ไม่ถูกชนิดได้ รวมทัง้ การนำมาใช้โดยผิดวิธี
ในประเทศไทยเคยมีรายงานถึงผลของการใช้มะเกลือในการถ่ายพยาธิซึ่งรับประทานโดยไม่ได้ผสม
กับน้ำกระทิ แต่รับประทานโดยใช้ผลสด นำไปต้มหรือนำไปผสมกับน้ำปูนใสแทนที่จะเป็นน้ำกระทิตามวิธี
โบราณ ผลคือทำให้เกิดความเป็นพิษต่อตา วิธีในตำรายาไทยซึ่งให้ใช้น้ำกะทิผสมนั้นเพื่อที่จะป้องกันการดูด
ซึมของสารที่เป็นพิษที่ปนเปื้อนพวก naphthalene การต้มหรือการผสมน้ำปูนใสทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี
ได้สาร diospyrol ซึ่งเป็น naphthalene และ สารพวก phenolic อื่นๆ อีกมาก ซึ่งสารเหล่านี้จะมีผลต่อ
ประสาทตา ดูดซึมผ่านกระเพาะอาหารได้ดี ซึ่งการดูดซึมนี้จะมากหรือน้อยอาจขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพของ
ผู้ใช้
6. การปนเปื้อนในสมุนไพร (Contamination)
การปนเปื้อนที่เกิดขึ้นในผลิตภัณฑ์สมุนไพรไม่ว่าจะเป็นโลหะหนัก ยาฆ่าแมลง หรือเชื้อ จุลินทรีย์
ต่างๆ ในผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น หรือหากมีก็ไม่ควรเกินปริมาณที่กำหนด เนื่องจากการ
ปนเปื้อนของสารดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกายทัง้ แบบเฉียบพลัน และสารบางอย่างอาจมีการ
สะสมและก่อให้เกิดอันตรายในระยะยาวตามมา
5
จกการศึกษาของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 5 สมุทรสงคราม ที่ทำการสำรวจคุณภาพยาจาก
สมุนไพรในระหว่างเดือนตุลาคม 2550 ถึง กันยายน 2551 โดยเก็บตัวอย่างจากแหล่งผลิตและจำหน่าย
จำนวน 205 ตัวอย่าง ดำเนินการตรวจวิเคราะห์ พบการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์เกินเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 8
ตัวอย่าง และโลหะหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 1 ตัวอย่าง และพบทัง้ การปนเปื้อนโลหะหนักและ
เชื้อจุลินทรีย์เกินเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 1 ตัวอย่าง โดยส่วนใหญ่ยาดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่ไม่มีเลขทะเบียน
ยาและไม่ทราบแหล่งผลิตซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับปญั หานี้และดำเนินการแก้ไขอย่าง
เป็นระบบต่อเนื่อง
7. สมุนไพรที่มีการปลอมปน (Adulterants)
สมุนไพรหลายชนิดที่มีการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง จากการสุ่มตรวจสมุนไพรที่มีการกล่าวอ้างว่า
สามารถรักษาโรคได้หลายชนิด หรือรักษาโรคได้หายรวดเร็วทันใจ หลายตัวอย่างจะพบการปนปลอมของ
สารที่มีฤทธิท์ างเภสัชวิทยา โดยเฉพาะ ยาสเตียรอยด์ที่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้หากใช้ไม่ถูกต้อง
ระหว่างปี พ.ศ. 2548-2552 ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 5 สมุทรสงครามได้ทำการสำรวจ
คุณภาพยาจากสมุนไพร ทัง้ หมด 626 ตัวอย่าง พบตัวอย่างยาจากสมุนไพรมีการปลอมปนสารสเตียรอยด์
(dexamethasone และ/หรือ prednisolone) จำนวน 136 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 21.7 โดยมีสเตียรอยด์
เทียบเท่า dexamethasone ระหว่าง 0.010-1.119 มิลลิกรัม/กรัม และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.319 มิลลิกรัม/กรัม
และจากการสำรวจคุณภาพยาจากสมุนไพรจากแหล่งผลิตและจำหน่ายในระหว่างเดือนตุลาคม 2550 ถึง
กันยายน 2551 จำนวน 205 ตัวอย่าง ดำเนินการตรวจวิเคราะห์ โดยพบการปลอมปนยาแผนปจั จุบันจำนวน
27 ตัวอย่าง พบว่าการปลอมปนยาแผนปจั จุบันอื่นนอกจาก ยาสเตียรอยด์ ได้แก่ paracetamol,
diclofenac, indomethacin, chlorpheniramine และ diazepam
สรุป
จากการรวบรวมรายงานของการเกิดอันตรายจากการใช้สมุนไพรนี้พบว่าเกิดขึ้นเป็นจำนวนไม่มาก
นัก แต่ทำให้เกิดความตระหนักถึงอันตรายอันอาจเกิดได้จากการใช้สมุนไพร เนื่องจากการที่มีผลิตภัณฑ์
สมุนไพรนั้นสามารถเลือกซื้อได้อย่างอิสระ การควบคุมไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไร ต่างจากยาแผนปจั จุบัน มีทั้ง
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสมุนไพรเดี่ยวๆ และที่เป็นตำรับ บางผลิตภัณฑ์ไม่สามารถทราบชนิดและปริมาณของสาร
ออกฤทธิท์ ี่แน่นอน ถึงแม้จะเป็นสมุนไพรชนิดเดียวกันก็ยังมีความแตกต่างกัน เนื่องจากสถานที่เพาะปลูก
ฤดูกาล ส่วนของพืชที่นำมาใช้ วิธีการเก็บเกี่ยว และกระบวนการผลิต นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์บางตัวอาจมี
การปนเปื้อนโลหะหนัก มีการปลอมปนสารที่มีฤทธิท์ างเภสัชวิทยา หรืออาจมีการนำสมุนไพรผิดชนิดทั้งที่
ตั้งใจและไม่ตั้งใจมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ และพบว่าประชากรจำนวนหนึ่งมีการใช้สมุนไพรร่วมกับยารักษา
โรคแผนปจั จุบัน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับสมุนไพรขึ้นได้
6
ดังนั้นหากมีความประสงค์ที่จะใช้สมุนไพรนั้นควรที่จะ
1. ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับสมุนไพรนั้นๆ ว่าเหมาะสมต่อการนำมาใช้หรือไม่ และรู้ถึงการใช้อย่าง
ถูกต้อง โดยอาจจะใช้หลักดังนี้คือ ใช้ให้ถูกต้น ใช้ให้ถูกส่วน ใช้ให้ถูกขนาด ใช้ให้ถูกวิธี ใช้ให้ถูกกับ
โรค
2. การเลือกผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาใช้นั้น ควรที่จะรู้ว่าในผลิตภัณฑ์นั้นประกอบด้วยสมุนไพรอะไรบ้าง
เพราะหากมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นจะได้ทราบว่าเกิดจากสมุนไพรชนิดใด เพื่อจะได้เก็บไว้เป็น
ข้อมูลในการระวังการใช้ต่อไป
3. หมัน่ สังเกตความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการใช้สมุนไพร
4. ไม่ควรใช้สมุนไพรติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หากจำเป็นหรือมีความประสงค์ที่จะใช้สมุนไพรเป็น
เวลานาน ควรมีการตรวจร่างกายทัง้ ก่อน ระหว่าง และหลังการใช้สมุนไพรเป็นระยะๆ ได้แก่ ตรวจ
การทำงานของตับ เช่น ตรวจเอนไซม์ตับ ( AST, ALT) การทำงานของไต (BUN, Cr) ความดัน
โลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น
5. หากเกิดอาการผิดปกติเกิดขึ้นในระหว่างการใช้สมุนไพร ควรหยุดใช้ และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
6. หญิงมีครรภ์หรือให้นมบุตร และเด็กไม่ควรที่จะใช้สมุนไพรถ้าไม่จำเป็น โดยเฉพาะสมุนไพรที่ยังไม่มี
ข้อมูลยืนยันความปลอดภัย เนื่องจากสารบางชนิดในสมุนไพร สามารถผ่านรก ขับออกทางน้ำนม
หรือมีผลต่อการเจริญเติบโตได้
เอกสารอ้างอิง
1. Escher M. Desmeules J. Hepatitis associated with kava, a herbal remedy. Br Med J 2001; 322:
139.
2. Gow PJ, Connelly NJ, Hill RL, Crowley P, Angus PW. Fata fulminant hepatic failure induced by
a natural therapy containing kava. Med J Aust. 2003; 178(9):442-3.
3. Ernst E. Harmless herbs? A review of the recent literature. Am J Med. 1998;104(2):170-8.
4. Thien FC, Leung R, Plomley R, Weiner J, Czarny D. Royal jelly-induced asthma: Med J Aust.
1993 Nov 1;159(9):639.
5. Laporte JR, Ibaanez L, Vendrell L, Ballarin E. Bronchospasm induced by royal jelly. Allergy.
1996;51(6):440.
6. Leung R, Ho A, Chan J, Choy D, Lai CK. Royal jelly consumption and hypersensitivity in the
community. Clin Exp Allergy. 1997;27(3):333-6.
7. Bullock RJ, Rohan A, Straatmans JA. Fatal royal jelly-induced asthma: Med J Aust. 1994 Jan
3;160(1):44.
8. Thien FC, Leung R, Baldo BA, Weiner JA, Plomley R, Czarny D. Asthma and anaphylaxis
induced by royal jelly. Clin Exp Allergy. 1996;26(2):216-22.
9. Faleni R, Soldati F. Ginseng as cause of Stevens-Johnson syndrome?: Lancet. 1996 Jul
27;348(9022):267.
10. สมบัติ ตรีประเสริฐสุข, มงคล หงษ์ศิรินิรชร, อนุชิต จูฑะพุทธิ. ภาวะตับอักเสบจากสมุนไพร “ขี้เหล็ก”
บทเรียนเพื่อการพัฒนาสมุนไพรไทย. คลินิกนานาสาระ. 2542;186(16)/6:43:385-90.
7
11. Lewis CJ. Letter to health professionals regarding safety concerns related to the use of
botanical products containing aristolochic acid 2001 [cited 2014 Aug 10] Available from:
http://www.fda.gov/Food/RecallsOutbreaksEmergencies/SafetyAlertsAdvisories/ucm111200.htm
12. Lord GM, Tagore R, Cook T, Gower P, Pusey CD. Nephropathy caused by Chinese herbs in
the UK: Lancet. 1999 Aug 7;354(9177):481-2.
13. Tanaka A, Nishida R, Maeda K, Sugawara A, Kuwahara T. Chinese herb nephropathy in Japan
presents adult-onset Fanconi syndrome: could different components of aristolochic acids cause
a different type of Chinese herb nephropathy? Clin Nephrol. 2000;53(4):301-6.
14. Narinder P Singh, Anupam Prakash. Nephrotoxic Potential of Herbal Drugs. JIMSA 2011; 24 (
2) ;79-81
15. Ifeoma O and Oluwakanyinsola S. Screening of Herbal Medicines for Potential Toxicities.
INTECH 2013 . (cited 2014 Aug 10] Available from: http://creativecommons.org/licenses/by/3.0)
16. มะเกลือ จาก ฐานข้อมูล "สมุนไพรที่ใช้ในสาธารณสุขมูลฐาน" Available from:
http://www.medplant.mahidol.ac.th
17. Limpaphayom P, Wangspa S, Lilapatana P. Optic atrophy from Maklua: a case report. Siriraj
Hospital. Gaz. 1977;29(4):454-7.
18. Limpaphayom P, Wangsapha S, Sinjermsiri J. Treatment of optic neuritis caused by Maklue.
Bull Dep Med Serv, Thailand 1981;6(4):251-9.
19. Kitcharoen P, Wiriyalappa C. Blindness from Maklua: Clinical reports of 2 patients. Chiang Mai
Med Bull. 1980;19(1):5.
20. Konsomboon S. Blindness from Maklua. Bull Dep Med Serv, Thailand 1979; 4(2):59-65.
21. Pattanapanyasat K, Panyathanya R, Pairojkul C. A primary study on toxicity of diospyrol and
oxidized diospyrol from Diospyros mollis Griff.(Maklua) in rabbits eyes. J Med Ass Thailand
1983;68:60-5.
22. นันทนา กลิ่นสุนทร ชมพูนุท นุตสถาปนา และปริชญา มาประดิษฐ การสำรวจคุณภาพยาสมุนไพรใน
เขตสาธารณสุขที่ 4 และ 5 ว กรมวิทย พ 2557; 56 (1) : 40-51
23. นันทนา กลิ่นสุนทร ตวงพร เข็มทอง ชมพูนุท นุตสถาปนา การศึกษาปริมาณสารสเตียรอยด์ที่
ปลอมปนในยาจากสมุนไพรเขตพื้นที่สาธารณสุข4,5 วารสารอาหารและยา ฉบับเดือนพฤษภาคม-
สิงหาคม 2555 ;31-37

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น