บทความที่ได้รับความนิยม
-
รองศาสตราจารย์ รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยาเขียวเป็นตำรับยาไทย ตามองค์ความร...
-
ใช้ของผู้หญิงได้หรือไม่? รองศาสตราจารย์ ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ปจั จุบันจะพบว่ามีการโฆษ...
-
นศภ. ดวงกมล กฤษณพิพัฒน์ นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แพ้ยา คืออะไร ? การแพ้ยาคือปฏิกิริยาที่ร่างกาย...
-
รองศาสตราจารย์ยุวดี วงษ์กระจ่าง นางสาวน้อม นิรมร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ความเครียด ส่วนหนึ่งมาจากความคิดของคนเรานั้นเอง คนที่...
-
รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.พิมลพรรณ พิทยานุกุล ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กระแสนิยมของการรักสุขภาพของผู้คนในยุคป...
-
อาจารย์ ปองทิพย์ สิทธิสาร ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อโลกเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ การเจริญเติบโตของสังคมเมืองแ...
-
นศภ. ธีรภัทร์ เสนะเปรม นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โรคอ้วนตามแนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและดูแล...
-
รองศาสตราจารย์ ดร. ชะอรสิน สุขศรีวงศ์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อผู้บริโภคเกิดปญั หาหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจ...
-
รองศาสตราจารย์แม้นสรวง วุฒิอุดมเลิศ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สัมพันธภาพระหว่างมนุษย์และแมวที่มีมายาวนาน ตัง้ แ...
-
รองศาสตราจารย์ ดร. ชะอรสิน สุขศรีวงศ์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถึงแม้ยาที่ผลิตมานั้นจะผ่านกระบวนการผลิตตามหลักเกณ...
วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558
สมุนไพรใช้ในอายุรเวท
รองศาสตราจารย์ ดร.อ้อมบุญ วัลลิสุต
ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
อายุรเวทเป็นศาสตร์การแพทย์ของชาวอารยันหรือชาวฮินดู มีหลักเกณฑ์ในการใช้สมุนไพรที่ลึกซึ้ง
โดยมีหลักในการจำแนกสมุนไพร 5 ประการคือ
1. Rasa คือ รส
2. Guna คือ คุณสมบัติ
3. Veerya คือ กำลัง
4. Vipaka คือ การแปรเปลี่ยนของสมุนไพรเมื่อเข้าไปในร่างกายมนุษย์
5. Prabhava คือ ความเฉพาะ
1 Rasa แบ่งออกเป็น 6 รส ได้แก่
รสหวาน (Madhura) เพิ่มความมีชีวิตชีวา บำรุงกำลัง บำรุงน้ำนม บำรุงสายตา และทำให้พยาธิเติบโต
เหมาะกับเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้บาดเจ็บ ผู้ที่มีศีรษะล้าน และคนอ่อนแอ
รสเปรี้ยว (Amla) กระตุ้นความอยากอาหารและการย่อยอาหารให้ความรู้สึกเย็นแต่มีผลที่ได้คือ
ความร้อน รักษาโรคในระบบวาตะ เป็นยาระบาย ไม่เป็นผลดีต่ออสุจิ ทานเป็นนิสัยทำให้เกิด
สภาวะ amblyopia เป็นคำที่มาจากรากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า " dullness of vision " หรือเรียกว่า
lazy eyeเป็นภาวะตามัว (หมอชาวบ้าน)
รสเค็ม ( Lavana) บำรุง ผ่อนคลายกระเพาะลำไส้ ทำให้ดีและเสมหะผิดปกติ ทำให้อ่อนแอ ลด
พฤติกรรมทางเพศ กระตุ้นให้มีเหงื่อออกมาก ทานอย่างต่อเนื่องทำให้ผมขาว
รสเผ็ด (Katu) ร้อน ทำลายพยาธิ ลดการหลัง่ น้ำนม ทำให้น้ำมูกแห้ง เจริญอาหารลดไขมันในร่างกาย
บำรุงสติปญั ญา แต่บัน่ ทอนกำลังและความงาม
รสขม (Tikta) เย็น ดับกระหาย ดับไข้และความรู้สึกแสบร้อน รักษาโรคเกี่ยวกับโลหิต แต่ทำให้วาตะ
ผิดปกติ ถ้ามากเกินไปเกิดอาการปวดศีรษะ
รสฝาด (Kashaya) รักษาแผล ทำให้ท้องผูก และผิวหนังอ่อนนุ่ม ถ้าทานบ่อยๆทำให้ตัวแข็ง ท้องอืดและ
เจ็บที่หัวใจ
2 Guna คือ คุณสมบัติ ที่ได้ผ่านการใช้จากชาวอารยันโบราณและบันทึกต่อๆกันมาคือ Materia Medica
ของอินเดีย จักได้กล่าวโดยละเอียดต่อไป
3 Veerya คือ กำลัง อันเนื่องมาจากอิทธิพลของดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ตัวยาจะมีกำลังเป็นร้อน (Ushna
Veerya) หรือเย็น (Sheeta Veeraya) ตัวยาร้อนทำให้เกิดการวิงเวียน กระหายน้ำ หงุดหงิด ไม่สบาย
เหงื่อออก ความรู้สึกแสบร้อน ระงับไอ และวาตะ เพิ่มน้ำดีและช่วยย่อย ตัวยาเย็นลดน้ำดีเพิ่มวาตะ
และเสมหะ ทำให้มีแรงและความสุข บำรุงโลหิต เมื่อให้ยาที่มีผลเหมือนกับอาการโรคที่เป็นดังที่กล่าว
ว่า Similia similibus curantur ในการรักษาแบบ homeopathy คือหลักการที่คนป่วยจากการได้รับความ
ร้อนจะต้องรักษาด้วยยาร้อนแต่มีผลทำให้เย็น และเช่นเดียวกันกับโรคจากความเย็น ไม่เชานนั้นจะมี
ผลร้าย
4 Vipaka คือ การแปรเปลี่ยนของสมุนไพรเมื่อเข้าไปในร่างกายมนุษย์ เมื่อถึงกระเพาะถูกกับน้ำย่อยจะถูก
สลายและกลายเป็นอย่างอื่น มีสรรพคุณเปลี่ยนไปจากปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิด สภาวะที่เปลยี่ยนแปรไป
ของตัวยาเรียกว่า Vipaka โดยขึ้นกับรสยา ถ้าเป็นรสเค็มจะกลายเป็นหวาน รสขมและรสฝาดกลายเป็น
เผ็ด ส่วนรสหวาน เปรี้ยว เผ็ด มี Vipaka คงเดิม ยกเว้นข้าวมีรสหวานแต่ด้วยอิทธิพลจากร่างกาย
กลายเป็นเปรี้ยว สมอไทยมีรสฝาดแต่ในร่างกายเป็นรสหวาน Sweet Vipaka บำรุงเสมหะ ลดวาตะและ
น้ำดี Sour Vipaka เพิ่มน้ำดีลดวาตะและเสมหะ ขณะที่ Pungent Vipaka ทำให้เกิดโรควาตะ ลด
เสมหะและน้ำดี ดังนั้นผลในการรักษาจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับรสยาเพียงอย่างเดียวแต่ยังขึ้นอยู่กับรสของ
Vipaka ของตัวยานั้นด้วย
5 Prabhava คือ ความเฉพาะของตัวยานั้นๆ มียาหลายตัวที่มี ทัง้ 4 ข้อข้างต้นเหมือนกันแต่ผลของยา
ต่างกัน เช่น Madhusarava (Madhuca longifolia) และ Draksha ( Vitis vinifera ) ต่างก็มีรสหวาน เย็น
หนัก และมี sweet vipaka แต่ตัวแรกทำให้ท้องผูกในขณะที่ตัวหลังช่วยระบาย คุณสมบัติอันนี้เรียกว่า
Prabhava อีกตัวอย่างคือ เจตมูลเพลิงขาว Chitraka (Plumbago zeylanica) และ Danti (Croton
polyandrum) ต่างก็มีรสเผ็ด ร้อน เบา pungent vipaka แต่ ตัวแรกช่วยย่อยในขณะที่ตัวหลังเป็นยา
ถ่ายอย่างแรง
จากหนังสือ History of Hindu Medical Science โดย Bhagvat Sinh Jee ได้บันทึกรายชื่อสมุนไพรที่ใช้
ในอายุรเวทและมีการใช้ประโยชน์ในการแพทย์แผนไทยด้วย ซึ่งมีชื่อสันสกฤต ชื่อวิทยาศาสตร์และ
สรรพคุณในการแพทย์ตะวันตกและสรรพคุณทางอายุรเวท เปรียบเสมือน Materia Medica
เป็นคุณสมบัติข้อ 2 Guna ของการพิจารณาการใช้ประโยชน์สมุนไพร
ลำ
ดั
บ
สรรพคุณทาง
ฮินดู
สรรพคุณทาง
แพทย์
ชื่อสันสกฤต ชื่อ
วิทยาศาสตร์
ชื่อไทย สรรพคุณไทย*
1 Angamardaprashamana
antispasmodic Vidarigandha Costus
speciosus
เอื้องหมายนา แก้ปวดเกร็ง
2 Anulomana cathartic Haritaki Terminalia
chebula
สมอไทย ยาถ่าย
3 Arshogna haemostatic Indrayava Wrightia
antidysenteric
a
ตระกูลเดียวกับ
โมกมัน
หยุดเลือด
4 Artavotpadaka emmenagogue Jotishmati Cardiospermu
m
helicacabum
โคกกระออม ขับประจำเดือน
5 Ashmarighna litholytic Gokshura Tribulus
terrestris
โคกกระสุน สลายนิ่ว
6 Bhedana purgative Katuki Picorrhiza
kurroa
โกฐก้านพร้าว ยาถ่าย
7 Chardinigrahana anemetic Dadima Punica
granatum
ทับทิม ถ่ายพยาธิ
8 Chhedana laxative Marichi Piper nigrum พริกไทย ยาระบาย
9 Dahaprashaman
a
antipyretic Ushira Andropogon
nardus
ตะไคร้หอม แก้ไข้
10 Dambha escharotic Bhallataka Semecarpus
anacardium
มะม่วงหิม
พานต์
กัดหูด ตาปลา
11 Deepaneeya stomachic Pippalimoola Piper longum ดีปลี บำรุงธาตุ
12 Garbhasravi ecbolic Grinjana Daucus
carota
แครอต บีบมดลูกเร่ง
คลอด
13 Grahi carminative Jeeraka Cuminum
cyminum
ยี่หร่า ขับลม
14 Kafahara antiphlegmagogue Bibheetaka Terminalia
bellerica
สมอพิเภก ระงับเสมหะ
(ไตรธาตุ)
15 Kafakara phlegmagogue Ikshu Saccharum
officinarum
อ้อย กระตุ้นเสมหะ
(ไตรธาตุ)
16 Kandughna antipsoric Chandana Santalum
album
จันทนา แก้คัน
จาก History of Hindu Medical Science โดย Bhagvat Sinh Jee, Logos Press, New Delhi, 1895
(reprinted 1998) อยู่ในห้องสมุด Aligahr Muslim University, Aligahr, India และหาอ่านได้จาก
internet
ป้ายกำกับ:
สมุนไพรใช้ในอายุรเวท
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น