บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ยาต้านมะเร็ง


เภสัชกร วสุ ศุภรัตนสิทธิ
ภาควิชาสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ยาในกลุ่มนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อด้วยกัน ตั้งแต่ ยาเคมีบำ บัด ยาคีโม ที่มาจากคำ ว่า
chemotherapy รวมไปถึงชื่อเรียกสัน้ ๆว่า ยามะเร็ง จุดมุ่งหมายในการใช้มีหลายประการด้วยกัน เช่น
การให้ยาก่อนการผ่าตัดเพื่อลดขนาดก้อนมะเร็ง หรือการให้ยาหลังการผ่าตัดเพื่อป้ องกันการ
แพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง นอกจากนั้นยังให้ยาเพื่อรักษามะเร็งโดยตรง ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มตาม
เป้าหมายของยาในการออกฤทธิไ์ ด้ 4 กลุ่มดังนี้
1. กลุ่มที่มีผลต่อดีเอ็นเอ (DNA) ทำให้สายดีเอ็นเอไม่พร้อมสำหรับการจำลองตัวเอง (DNA
replication) จึงไม่มีสารพันธุกรรมสำหรับการแบ่งเซลล์ขัน้ ต่อไป ได้แก่ cyclophosphamide,
ifosfamide, mitomycin, cisplatin, carboplatin, oxaliplatin, bleomycin, topotecan,
irinotecan, doxorubicin, epirubicin, idarubicin, etoposide และ teniposide เป็นต้น
2. กลุ่มที่มีผลต่อการสังเคราะห์สารเมตาบอไลต์ (metabolite) ทำให้ไม่มีสารที่จำเป็นต่อการ
อยู่รอดของเซลล์ เป็นผลลัพธ์ให้เซลล์ตาย ได้แก่ methotrexate, 6-mercaptopurine, 6-
thioguanine, fludarabine, cladribine, clofarabine, pentostatin, 5-fluorourasil, floxuridine,
tegafur, capecitabine, cytarabine, ancitabine, gemcitabine, azacitidine และ decitabine
เป็นต้น
3. กลุ่มที่มีผลต่อการแบ่งเซลล์ สปิ นเดิล (spindle) และทูบูลิน (tubulin) ขัดขวางการทำงาน
ในกระบวนการแบ่งเซลล์ ผลลัพธ์คือ ทำให้เซลล์ไม่สามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนต่อไปได้ ได้แก่
vincristine, vinblastine, vinorelbine, paclitaxel และ docetaxel เป็นต้น
4. กลุ่มที่มีผลต่อตัวรับของเซลล์ (cell receptor), ตัวส่งสัญญาณของเซลล์ (cell signaling)
และกระบวนการสื่อสัญญาณ (signaling transduction) ขัดขวางการส่งสัญญาณที่จะทำให้
เซลล์เติบโตจนผิดปกติ โดยยาในกลุ่มนี้จัดเป็นยาในกลุ่มที่ออกฤทธิจ์ ำเพาะเจาะจงต่อเป้าหมาย
(molecular targeted therapy) เนื่องจากมีความสามารถในการเลือกจับ (selectivity) ต่อ
เซลล์มะเร็งมากกว่าเซลล์ร่างกายปกติ ทำให้เกิดอาการข้างเคียงน้อยกว่ายากลุ่มที่กล่าวไปก่อน
หน้านัน่ เอง ได้แก่ trastuzumab, cetuximab, panitumumab, imatinib, gefinitib, sorafenib,
erlotinib, sunitinib, dasatinib และ lapatinib เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมียาต้านมะเร็งกลุ่มอื่นๆ อีก เช่น
ยาต้านมะเร็งที่ออกฤทธ์ิเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน (hormone) เนื่องจากมะเร็งบางชนิดมีความไว
ต่อฮอร์โมนแตกต่างกัน เช่น มะเร็งเต้านมที่ไวต่อเอสโตรเจน (estrogen) หรือ มะเร็งต่อมลูกหมากที่ไว
ต่อเทสทอสโตรอน (testosterone) เป็นต้น ยาที่ใช้จึงเป็นยาที่มุ่งหวังไม่ให้ฮอร์โมนดังกล่าวกระตุ้นการ
เจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง หรือ ลดการสร้างฮอร์โมนนั้นๆในร่างกาย บางตำรับอาจจัดยาในกลุ่มนี้ไว้
กับยาในกลุ่มตัวรับของเซลล์ (cell receptor), ตัวส่งสัญญาณของเซลล์ (cell signaling) และ
กระบวนการสื่อสัญญาณ (signaling transduction) ก็ได้ ได้แก่ raloxifene, tamoxifen,
anastrozole, letrozole, flutamide และ bicalutamide เป็นต้น
ยาต้านมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากจุดมุ่งหมายในการใช้ยาต้านมะเร็งตามที่
ได้กล่าวไปในข้างต้นนั้น ยังมีการใช้ยาเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง เช่น การใช้ interferon
alpha ในการป้องกันการกลับเป็นซ้ำภายหลังการเป็น มะเร็งของเซลล์เม็ดสี (malignant melanoma)
เป็นต้น รวมไปถึงการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง เช่น วัคซีนป้องกันมะเร็งปาก
มดลูก (human papillomavirus vaccine)
อาการข้างเคียงของยาต้านมะเร็ง
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกาย ทั้งเซลล์ร่างกายปกติและเซลล์มะเร็งย่อมได้รับผลกระทบจากยาทั้งหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซลล์ที่มีการเจริญเติบโต ผลัดเซลล์ มีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว เช่น เซลล์เยื่อบุต่างๆ
เซลล์เม็ดเลือด เซลล์เส้นผม ทำให้เซลล์เสียสภาพและตาย เกิดเป็นอาการข้างเคียงต่างๆ ดังนี้
 คลื่นไส้อาเจียน พบแผลในปาก เนื่องจากเซลล์เยื่อบุต่างๆถูกทำลาย
 เกิดสภาวะซีด เนื่องจากเซลล์ที่กำลังแบ่งเซลล์เป็นเม็ดเลือดแดงถูกทำลาย
 ติดเชื้อง่าย เพราะภูมิคุ้มกันลดลง เนื่องจากเซลล์ที่กำลังแบ่งเซลล์เป็นเม็ดเลือดขาวถูก
ทำลาย
 ผมร่วง เนื่องจากเซลล์ที่กำลังแบ่งเซลล์เป็นเส้นผมถูกทำลาย
ในส่วนของยาที่กระตุ้นภูมิคุ้มกัน เช่น วัคซีน อาจทำให้ก่อไข้ได้ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้ว
ภายหลังการรักษา หรือ หยุดใช้ยา ร่างกายจะปรับตัว ทำให้อาการข้างเคียงต่างๆ ดีขึ้นตามลำดับ เช่น
คลื่นไส้อาเจียนลดลง ผมงอกขึ้นใหม่ เป็นต้น ปัจจุบันมียาต้านมะเร็งกลุ่มใหม่ๆ ที่ออกฤทธิจ์ ำเพาะ
เจาะจงต่อเป้าหมาย รวมทัง้ แนวทางการให้ยาป้องกันอาการข้างเคียงในบางกรณีที่มีประสิทธิภาพ เช่น
การให้ยาต้านอาเจียนก่อนการให้ยาต้านมะเร็ง เป็นต้น จึงทำให้เกิดอาการข้างเคียงต่างๆ ลดลง โดย
แพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจการเลือกใช้ยาต้านมะเร็งและแนวทางการป้องกันอาการข้างเคียงจากยาต้าน
มะเร็ง ผู้ป่วยสามารถสอบถามจากแพทย์ได้โดยตรง
การดูแลตัวเอง สังเกตสิ่งผิดปกติของร่างกายเป็นสิ่งที่ดี และเมื่อพบสิ่งผิดปกติควรแจ้งแพทย์
ผู้ดูแล อย่างไรก็ตามผู้ป่วยไม่ควรกังวลถึงอาการข้างเคียงมากจนเกินไป เพราะสภาพจิตใจของผู้ป่วยเอง
เป็นปจั จัยหนึ่งที่สำคัญในการรักษาโรคมะเร็งให้ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากผู้ป่วยต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยา หรือการรักษา สามารถสอบถามเพิ่มเติมจาก
แพทย์ผู้ดูแล และเภสัชกร และสำหรับท่านผู้อ่านทุกท่าน “มีปัญหาเรื่องยา ปรึกษาเภสัชกรนะครับ”
เอกสารอ้างอิง
1) ภูธร แคนยุกต์. ยาต้านมะเร็ง. ใน: โอภา วัชระคุปต์, บรรณาธิการ. เคมีของยา ฉบับ 1.
กรุงเทพฯ: พี.เอส.พริ้นท์; 2551, หน้า 347-387.
2) Ascierto PA, Gogas HJ, Grob JJ, Algarra SM, Mohr P, Hansson J, et al. Adjuvant
interferon alfa in malignant melanoma: an interdisciplinary and multinational expert
review. Crit Rev Oncol Hematol. 2013;85(2):149-61.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น