บทความที่ได้รับความนิยม
-
รองศาสตราจารย์ รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยาเขียวเป็นตำรับยาไทย ตามองค์ความร...
-
ใช้ของผู้หญิงได้หรือไม่? รองศาสตราจารย์ ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ปจั จุบันจะพบว่ามีการโฆษ...
-
นศภ. ดวงกมล กฤษณพิพัฒน์ นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แพ้ยา คืออะไร ? การแพ้ยาคือปฏิกิริยาที่ร่างกาย...
-
รองศาสตราจารย์ยุวดี วงษ์กระจ่าง นางสาวน้อม นิรมร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ความเครียด ส่วนหนึ่งมาจากความคิดของคนเรานั้นเอง คนที่...
-
รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.พิมลพรรณ พิทยานุกุล ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กระแสนิยมของการรักสุขภาพของผู้คนในยุคป...
-
อาจารย์ ปองทิพย์ สิทธิสาร ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อโลกเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ การเจริญเติบโตของสังคมเมืองแ...
-
นศภ. ธีรภัทร์ เสนะเปรม นักศึกษาฝึกปฏิบัติงานคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โรคอ้วนตามแนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและดูแล...
-
รองศาสตราจารย์ ดร. ชะอรสิน สุขศรีวงศ์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อผู้บริโภคเกิดปญั หาหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจ...
-
รองศาสตราจารย์แม้นสรวง วุฒิอุดมเลิศ ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สัมพันธภาพระหว่างมนุษย์และแมวที่มีมายาวนาน ตัง้ แ...
-
รองศาสตราจารย์ ดร. ชะอรสิน สุขศรีวงศ์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ถึงแม้ยาที่ผลิตมานั้นจะผ่านกระบวนการผลิตตามหลักเกณ...
วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2558
เลือดจาง โลหิตจาง กับยาฉีดอีพีโอ (EPO)
เภสัชกรหญิง ศยามล สุขขา (บริบาลเภสัชกรรม)
ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
EPO เป็นชื่อย่อของยาอีริโทรโพอิติน (erythropoietin) ซึ่งเป็นยาประเภทฮอร์โมนที่สังเคราะห์
ขึ้น ยานี้มีที่ใช้ในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ใช้แก้ไขภาวะโลหิตจาง โดยเมื่อการทำงานของไตลดลงจนระดับ
ของเสียในเลือดที่เรียกว่าครีเอตินีน (creatinine) สูงกว่า 2-3 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จะเริ่มพบผู้ป่วยไต
วายเรื้อรังที่มีภาวะโลหิตจาง ยิ่งเมื่อการทำงานของไตลดลงไปอีก จะพบผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่มีภาวะ
โลหิตจางได้บ่อยขึ้นและมักมีอาการรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะเมื่อการทำงานของไตลดลงจนเหลือ
ความสามารถที่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ของภาวะปกติ
การวินิจฉัยภาวะโลหิตจาง ทำได้โดยการตรวจวัดระดับฮีโมโกลบิน (Hemoglobin; Hgb) ใน
เลือด โดยหากระดับฮีโมโกลบินต่ำกว่า 13 กรัมต่อเดซิลิตรในผู้ชาย หรือต่ำกว่า 12 กรัมต่อเดซิลิตรใน
ผู้หญิงที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ถือว่ามีภาวะโลหิตจาง
อะไรเป็นสาเหตุของภาวะโลหิตจางในผู้ป่ วยไตวายเรื้อรัง
สาเหตุส่วนใหญ่ของภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง คือการขาดฮอร์โมนอีริโทรโพอิติน ซึ่ง
ในภาวะปกติร้อยละ 90 ของฮอร์โมนนี้สร้างจากเนื้อไต และไปออกฤทธิก์ ระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ด
เลือดแดง ดังนั้นเมื่อเกิดโรคไตวายเรื้อรังจึงมีการสร้างฮอร์โมนนี้ลดลง มีผลให้การสร้างเม็ดเลือดแดงที่
ไขกระดูกลดลงและเกิดภาวะโลหิตจางตามมา
สาเหตุอื่นๆ ที่พบได้ร่วมกันของภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ได้แก่ การขาดธาตุเหล็ก
การขาดวิตามินบี 12 การขาดกรดโฟลิค การเสียเลือดจากระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้เม็ดเลือดแดง
ในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังยังแตกง่าย ทำให้อายุของเม็ดเลือดแดงสัน้ ลงอีกด้วย
ผลเสียของโลหิตจางคืออะไร
ภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ทำให้เกิดอาการในหลายระบบ ได้แก่ อาการในระบบหัวใจ
และหลอดเลือด ทำให้เกิดปญั หาด้านความทรงจำและสมาธิ ซึ่งการแก้ไขภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยกลุ่ม
ดังกล่าว จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีการตอบสนองต่อระบบภูมิต้านทานที่ดีขึ้นด้วย
การรักษาโลหิตจางในผู้ป่ วยไตวายเรื้อรังทำได้อย่างไร
การรักษาภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ต้องทำการหาสาเหตุที่แก้ไขได้ก่อน เช่น สาเหตุ
จากการเสียเลือดในทางเดินอาหาร สาเหตุจากการขาดธาตุเหล็ก และวิตามินอื่นๆ ซึ่งหากแก้ไขสาเหตุ
ต่างๆ แล้วแต่ผู้ป่วยยังมีภาวะโลหิตจางอยู่ หรือไม่พบความผิดปกติจากสาเหตุดังกล่าว แพทย์จะ
พิจารณาให้การรักษาด้วยยาฮอร์โมนอีริโทรโพอิติน (หรือที่นิยมเรียกว่า EPO, อีพีโอ) ซึ่งใช้เพื่อทดแทน
การขาดฮอร์โมนอีริโทรโพอิตินในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง
ยาอีพีโอ (EPO) คืออะไร
ยาอีพีโอ (EPO) คือยาฮอร์โมนอีริโทโพอิติน (erythropoietin) มีโครงสร้างเป็นไกลโคโปรตีน
ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีการตัดต่อดีเอ็นเอ (recombinant DNA) โดยมีการเรียงต่อของลำดับกรดอะมิโน
เหมือนกับฮอร์โมนอีริโทรโพอิตินที่ถูกสร้างในร่างกาย โดยผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่
epoetin-alfa, epoetin-beta, darbepoetin alfa และ methoxy polyethylene glycol epoetin-beta
เมื่อให้ยา EPO ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใดเข้าสู่ร่างกายแล้วยา EPO จะจับกับตัวรับของอีริโทร
โพอิตินที่ผิวของเซลล์ตั้งต้นเม็ดเลือดแดง และกระตุ้นการส่งสัญญาณในเซลล์ ซึ่งมีผลกระตุ้นให้เกิดการ
แบ่งตัวและการเจริญของเซลล์เม็ดเลือดแดง และรักษาภาวะโลหิตจางได้
นอกจากยา EPO จะมีข้อบ่งใช้ในการรักษาภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังแล้ว ยังสามารถ
ใช้ในการรักษาภาวะโลหิตจางในโรคอื่นๆ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับยา
zidovudine, ผู้ป่วย myelodysplatic syndrome (MDS) เป็นต้น
ยา EPO แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันอย่างไร
Epoetin-alfa, epoetin-beta, darbepoetin alfa และ methoxy polyethylene glycol epoetinbeta
เป็นยา EPO ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีความแตกต่างของยาแต่ละชนิดอยู่ที่ จำนวนสาย
ของคาร์โบไฮเดรต ปริมาณ sialic acid ในโครงสร้าง หรือการเพิ่มสารที่ทำให้โมเลกุลยามีน้ำหนัก
เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการจับกับตัวรับของอีริโทรโพอิตินต่างกัน ค่าครึ่งชีวิตของยาต่างกัน
จึงทำให้ยาฮอร์โมนอีริโทรโพอิตินแต่ละชนิดมีความถี่ของการบริหารยาที่แตกต่างกัน
ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาลำดับแรก ได้แก่ epoetin-alfa และ epoetin-beta ยา 2 ขนิดนี้ต้องให้ 2-3
ครัง้ ต่อสัปดาห์ ในปจั จุบันมีผลิตภัณฑ์ยา darbepoetin alfa ซึ่งพัฒนามาจาก epoetin-alfa โดยจะเพิ่ม
สายคาร์โบไฮเดรตทำให้มีน้ำหนักโมเลกุลเพิ่มขึ้น และมีค่าครึ่งชีวิตยาวนานขึ้น ซึ่งสามารถบริหารยา
เป็นสัปดาห์ละครัง้ หรือสองสัปดาห์ครัง้ ได้ ส่วนยา methoxy polyethylene glycol epoetin-beta มีการ
เชื่อมต่ออีริโทรโพอิตินด้วยโปรตีนโมเลกุลใหญ่ ทำให้สามารถกระตุ้นตัวรับอีริโทรโพอิตินอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ค่าครึ่งชีวิตของยายาวนานขึ้น และสามารถให้ยาห่างขึ้นคือให้เดือนละครัง้ ได้
การติดตามประสิทธิภาพในการรักษาจากยาทำได้อย่างไร
เป้าหมายของระดับฮีโมโกลบินในผู้ป่วยไตวายเรื้อรังคือ 10-11.5 กรัมต่อเดซิลิตร โดยแพทย์จะ
ติดตามระดับฮีโมโกลบินทุก 2-4 สัปดาห์ จนกระทัง่ ระดับฮีโมโกลบินคงที่ และตรวจติดตามเป็นระยะ
หลังจากนั้นโดยแพทย์จะควบคุมให้ระดับฮีโมโกลบินอยู่ในเป้าหมาย รวมทั้งระวังไม่ให้ค่าฮีโมโกลบิน
มากเกินไป เนื่องจากมีรายงานว่าหากระดับฮีโมโกลบินสูงกว่า 13 กรัมต่อเดซิลิตร จะเพิ่มโอกาสเสี่ยง
ต่อการเกิดโรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่นหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง การอุดตันของเส้น
ที่ใช้ฟอกเลือดในผู้ป่วยที่ทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เป็นต้น
ผู้ป่ วยกลุ่มใดที่ควรระวังในการใช้ยา
เนื่องจากยา EPO มีผลเพิ่มความดันโลหิตได้ ดังนั้นจึงต้องระวังการใช้ในผู้ป่วยที่มีความดัน
โลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมได้ดี และในผู้ป่วยโรคลมชัก หรือมีความเสี่ยงต่อการชัก
ให้ยา EPO เข้าร่างกายอย่างไร
ยา EPO เป็นยาฉีด สามารถฉีดให้ทางหลอดเลือดดำ หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ซึ่งขนาดยาที่ใช้จะ
แตกต่างกัน โดยการให้ยาทางหลอดเลือดดำจะใช้ขนาดยาอีริโทรโพอิตินที่มากกว่าการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง
การฉีดยาเข้าทางหลอดเลือดดำ ควรฉีดอย่างช้าๆ ประมาณ 1-5 นาทีขึ้นกับขนาดของยาที่ได้รับ
ในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม สามารถให้ยาเข้าในเส้นเลือดที่ใช้ในการฟอก
เลือดได้โดยให้ไปในระหว่างการฟอกเลือดได้เลย
การฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง ปริมาตรที่มากที่สุดสำหรับการฉีดยาแต่ละครัง้ คือ 1 มิลลิลิตร ถ้าต้องให้
ยาในปริมาณที่มากกว่านี้ ให้พิจารณาฉีดในตำแหน่งอื่นเพิ่ม ตำแหน่งที่ใช้ในการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ได้แก่
ต้นแขน ต้นขา หรือผนังหน้าท้อง โดยให้ห่างจากสะดือ ฉีดสลับตำแหน่งไปในแต่ละครัง้
การฉีดยาต้องไม่ผสมกับยาตัวอื่น และไม่นำไปผสมกับสารละลายใดๆ ในการฉีด นอกจากนี้
ห้ามเขย่ายาฉีด EPO เพราะการเขย่าจะทำให้ไกลโคโปรตีนสลายตัวจนอาจทำให้ฤทธิก์ ารรักษาหมดไป
ได้
บรรจุภัณฑ์ของยา EPO เป็นแบบบรรจุในหลอดฉีดยาสำเร็จรูป (prefilled syringe) หรือในแบบ
ปากกา (prefilled pen) ซึ่งใช้ครัง้ เดียวเท่านั้น และเนื่องจากในแต่ละผลิตภัณฑ์ประกอบไปด้วยยาหลาย
ขนาด เช่น 2,000 IU/mL, 4000 IU/mL ดังนั้นจึงต้องทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ยาที่ได้รับว่าเป็น
ขนาดยาที่ต้องการก่อนฉีดยาเสมอ
การเก็บรักษายา ทำอย่างไร
เก็บยาในตู้เย็น อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส โดยให้เก็บในช่องธรรมดาของตู้เย็น (ไม่ใช่ช่องแช่
แข็ง) ไม่ให้ถูกแสง และก่อนฉีดยาควรนำออกมาวางไว้จนยามีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง ซึ่งใช้เวลา
ประมาณ 15-30 นาที หากรับยาจากโรงพยาบาลและนำกลับไปฉีดเองที่บ้าน ควรบรรจุในภาชนะที่เก็บ
ความเย็นในระหว่างเดินทาง เมื่อถึงบ้านจึงนำยาเก็บในตู้เย็นในช่องธรรมดา
คำแนะนำทัว่ ไปในการใช้ยา
ไม่ควรใช้ยาเมื่อพบว่ายาหมดอายุจากวันที่ระบุไว้บนฉลากยา และไม่ใช้ยาเมื่อกล่อง หรือ
พลาสติกบรรจุยาถูกเปิด หรือปิดไม่สนิท หรือพบของเหลวที่เป็นน้ำยา มีสี หรือเห็นได้ว่ามีสาร
อื่นๆ แขวนลอยอยู่
ไม่ควรทิ้งเข็มฉีดยาไปกับขยะเปียก หรือขยะแห้งจากบ้าน แต่ควรรวบรวมมาทิ้งในสถานที่จัดไว้
ให้ในโรงพยาบาล
เมื่อลืมฉีดยา ให้ฉีดทันทีที่นึกได้ แต่ถ้านึกได้ในวันที่จะต้องฉีดเข็มถัดไป ก็ให้ฉีดตามปกติเพียง
เข็มเดียว โดยไม่ต้องฉีดเพิ่ม
เอกสารอ้างอิง
1. สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย. การรักษาโลหิตจางในผู้ป่วยโรคไต [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 13
เม.ย. 2558]. เข้าถึงได้จาก:
http://www.nephrothai.org/nephrothai_boffice/images_upload/news/35/files/kidney%2081-
93.pdf.
2. Kidney Disease: Improving Global Outcomes (KDIGO) Anemia Work Group. KDIGO clinical
practice guideline for anemia in chronic kidney disease. Kidney Inter Suppl 2012;2:279–335.
3. Prescribing information: Eprex®, Epoetin alfa. Janssen Cilag, 2013.
4. Prescribing information: Recormon®, Epoetin beta. Roche, Mannheim, Germany, 02/2012.
5. Prescribing information: Nesp®, Darbepoetin alfa. Teva Pharma Japan Inc, Takayama Plant,
Japan, 04/2012.
6. Prescribing information: Mircera®, Methoxy polyethylene glycol epoetin beta. Roche,
Mannheim, Germany, 03/2011.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น